หลักการจัดการศึกษาปฐมวัย
ในเรื่องการเตรียมความพร้อมนี้ในแง่ของเหตุผลหรือทางตรรกวิทยา การที่มนุษย์จะประกอบกิจกรรมอะไรก็ตาม การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่จะเริ่มกิจกรรมนั้น ๆ นับว่าเป็นการเตรียมตัวสำคัญที่จะทำให้งานนั้น ๆ เป็นผลสำเร็จด้วยดี ดังคำโบราณที่ว่า การเตรียมตัวที่ดีนับว่าประสบความสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง ดังนี้เพื่อให้เด็กมีความพร้อมที่จะเข้าเรียนในระดับประถมศึกษา เด็กจำเป็นจะต้องได้รับการพัฒนาสุขภาพของร่างกาย พัฒนาการใช้กล้ามเนื้อเล็ก กล้ามเนื้อใหญ่ พัฒนาสติปัญญา อารมณ์จิตใจ สังคม และภาษาในโรงเรียนอนุบาล ชั้นเด็กเล็กหรือในศูนย์พัฒนาเด็กอย่างน้องหนึ่งปี (Smith, 2004) ตามข้อคิดเห็นอันนี้ เด็กจะต้องเตรียมความพร้อมอย่างน้อยหนึ่งปี ดังนั้นก่อนที่จะเข้าเรียนในชั้นประถมศึกษา เด็กควรจะได้มีการเตรียมความพร้อมให้มีการพัฒนาด้านต่าง ๆ
หลักการและจัดการศึกษาระดับอนุบาลศึกษา
ขอบข่ายของหลักการจัดการศึกษาระดับอนุบาลในประเทศไทย มีดังนี้ (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน , 2546)
1. ยึดปรัชญาการศึกษาระดับปฐมวัยเป็นหลัก
ปรัชญาการศึกษาระดับปฐมวัยคือ การศึกษาปฐมวัยเป็นการพัฒนาเด็กตั้งแต่แรกเกิดถึงอายุห้าปี (หมายถึง 5 ปี 11 เดือน 29 วัน) บนพื้นฐานการอบรมเลี้ยงดู และการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ที่สนองต่อธรรมชาติ และพัฒนาการของเด็กแต่ละคน ตามศักยภาพภาย ใต้บริบทสังคม วัฒนธรรมที่เด็กอาศัยอยู่ด้วยความรัก ความเอื้ออาทร และความเข้าใจของทุกคน เพื่อสร้างรากฐานคุณภาพชีวิตให้เด็กพัฒนาไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เกิดคุณค่าต่อตนเองและสังคม
2. เป็นหลักสูตรที่มุ่งเน้นการพัฒนาเด็ก โดยองค์รวม คือ เด็กได้รับการพัฒนาทุกด้านทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา โดยผ่านกิจกรรมการเล่น และโดยอยู่บนพื้นฐานของประสบการณ์เดิมที่เด็กมีอยู่ ประสบการณ์ใหม่ ที่เด็กจะได้รับต้องมีความหมายกับตัวเด็ก เป็นหลักสูตร ที่ให้โอกาสทั้งเด็กปกติ เด็กด้อยโอกาสและเด็กพิเศษได้พัฒนา รวมทั้งยอมรับในวัฒนธรรมและภาษาความแตกต่างระหว่างบุคคลของเด็ก การพัฒนาเด็กให้รู้สึกเป็นสุขในปัจจุบัน มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนต่าง ๆ และเพื่อเตรียมเด็กสำหรับอนาคตข้างหน้า
3. การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของเด็ก ทั้งภายในและภายนอกห้องเรียนจะต้องจัดสภาพแวดล้อมให้เด็กอยู่ในที่ที่สะอาด ปลอดภัย อากาศสดชื่นผ่อนคลาย ไม่เครียด มีโอกาสออกกำลังกายและพักผ่อน มีสื่ออุปกรณ์ มีของเล่นที่หลากหลาย เหมาะสมกับวัย ให้เด็กมีโอกาสเลือกเล่น เรียนรู้เกี่ยวกับตนเองและโลกที่เด็กอยู่ รวมทั้งพัฒนาการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมทำให้บุคคลในสังคมเห็นความสำคัญของการอบรมเลี้ยงดู และให้การศึกษากับเด็กปฐมวัย
4. การจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมพัฒนาการทุกด้าน และการเรียนรู้ของเด็ก การจัดกิจกรรมให้เน้นความสำคัญที่เด็ก (Child Centered Approach) กิจกรรมจะต้องเหมาะสมกับวัย และสอดคล้องกับจิตวิทยาพัฒนาการของเด็ก ควรจัดกิจกรรมที่จะให้โอกาสแก่เด็ก ได้พัฒนาความสามารถของตน ครูผู้สอนเปลี่ยนบทบาทจากการสั่งให้เด็กทำ มาเป็นผู้อำนวยความสะดวก ครูผู้สอนจะเป็นผู้สนับสนุนชี้แนะและเรียนรู้ร่วมกับเด็ก ส่วนเด็กเป็นผู้ลงมือกระทำ เรียนรู้ และค้นพบด้วยตนเอง ดังนั้นครูผู้สอนจะต้องยอมรับเห็นคุณค่า รู้จักและเข้าใจเด็กแต่ละคน ที่ตนดูแลรับผิดชอบก่อน โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล เพื่อจะได้วางแผนสร้างสภาพแวดล้อม และจัดกิจกรรมต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับวัยและความแตกต่างของเด็ก โดยถือว่าการเล่นอย่างมีจุดหมายเป็นหัวใจสำคัญของการจัดประสบการณ์และกิจกรรมให้แก่เด็ก
5. การบูรณาการการเรียนรู้ การบูรณาการ เป็นการจัดกิจกรรมที่กิจกรรมหนึ่ง ๆ เด็กเรียนรู้ได้หลายทักษะและหลายประสบการณ์สำคัญ หรือหนึ่งแนวคิดเด็กเรียนรู้ได้หลายกิจกรรม จึงเป็นหน้าที่ของผู้สอนที่จะต้องวางแผนการจัดประสบการณ์ ในแต่ละวัน ให้เด็กเรียนรู้โดยผ่านการเล่นที่หลากหลายกิจกรรม หลากหลายทักษะ หลากหลายประสบการณ์สำคัญ อย่างเหมาะสมกับวัยและพัฒนาการ เพื่อให้บรรลุจุดหมายของหลักสูตรที่กำหนดไว้
6. การประเมินพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็ก การประเมินในระดับปฐมวัยยึดวิธีการสังเกตเป็นส่วนใหญ่ ครูผู้สอนจะต้องสังเกต และประเมินทั้งการสอนของตน และพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็กว่า ได้บรรลุจุดประสงค์ และเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่ รวมทั้งข้อมูลจากครอบครัวของเด็ก และตลอดจนผลงานของเด็ก จะบอกถึงการเรียนรู้ของเด็กว่ามีความก้าวหน้าเพียงใด มีพัฒนาการด้านต่าง ๆ อย่างไร การประเมินพัฒนาการจะช่วยครูผู้สอนในการวางแผนจัดกิจกรรม ชี้ให้เห็นความต้องการพิเศษของเด็กแต่ละคน ใช้เป็นข้อมูลในการสื่อสารกับพ่อแม่หรือผู้ปกครองของเด็ก และยังใช้ในการประเมินประสิทธิภาพในการจัดการศึกษาให้แก่เด็กดังกล่าว เมื่อพบเด็กที่มีพัฒนาล่าช้า ครูควรจัดกิจกรรมให้เหมาะสมกับความสามารถของเด็กนั้น ๆ และให้ความรัก ความเอาใจใส่ และให้คำชมเชยเมื่อเด็กพัฒนาดีขึ้น
7. ความสัมพันธ์ระหว่างครูผู้สอนกับครอบครัวของเด็ก ครูผู้สอน พ่อแม่และผู้ปกครองของเด็ก จะต้องมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลทำความเข้าใจพัฒนาการ และการเรียนรู้ของเด็ก ต้องยอมรับและร่วมมือกันรับผิดชอบ ถือเป็นหุ้นส่วน ที่จะต้องช่วยกันพัฒนาเด็ก ให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการร่วมกันซึ่งจะต้องให้พ่อแม่ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการพัฒนาเด็กด้วย
8. การเรียนการสอนที่เหมาะสมสำหรับเด็กอนุบาล ควรยึดเด็กเป็นศูนย์กลางสำคัญของการเรียนรู้ที่คำนึงถึงความสนใจ และความสามารถของเด็ก ให้เด็กมีโอกาสเลือกกิจกรรมด้วยตนเอง เรียนโดยใช้ประสบการณ์ตรงและทดลองโดยที่เด็กเป็นผู้สังเกต และให้คำแนะนำ (สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ, 2541)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น