ศูนย์สาธิตการศึกษาปฐมวัย มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม
วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2554
ตารางกิจกรรมประจำวัน
ตารางกิจกรรมประจำวัน
07.30-08.45 น. รับเด็ก เล่นอิสระ
08.45-09.00 น. เข้าแถวเคารพธงชาติ
09.00-09.10 น. เชิญเทียน สวดมนต์ ทำสมาธิ
09.10-09.30 น. กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ
09.30-09.50 น. กิจกรรมเสริมประสบการณ์
09.50-10.00 น. ดื่มนม
10.00-10. 30 น. กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์
10.30-10. 30 น. กิจกรรมเสรี (เล่นตามมุม)
11.00-11.30 น. กิจกรรมกลางแจ้ง
11.30-12.00 น. รับประทานอาหาร ล้างหน้า แปรงฟัน
12.00-14.00 น. นอนพักผ่อน
14.00-14.30 น. อาหารว่างบ่าย
14.30-15.00 น. กิจกรรมเกมการศึกษา/เล่านิทาน/สรุปบทเรียน
15.00-16.00 น. กลับบ้าน
หลักการจัดการศึกษาปฐมวัย
หลักการจัดการศึกษาปฐมวัย
ในเรื่องการเตรียมความพร้อมนี้ในแง่ของเหตุผลหรือทางตรรกวิทยา การที่มนุษย์จะประกอบกิจกรรมอะไรก็ตาม การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่จะเริ่มกิจกรรมนั้น ๆ นับว่าเป็นการเตรียมตัวสำคัญที่จะทำให้งานนั้น ๆ เป็นผลสำเร็จด้วยดี ดังคำโบราณที่ว่า การเตรียมตัวที่ดีนับว่าประสบความสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง ดังนี้เพื่อให้เด็กมีความพร้อมที่จะเข้าเรียนในระดับประถมศึกษา เด็กจำเป็นจะต้องได้รับการพัฒนาสุขภาพของร่างกาย พัฒนาการใช้กล้ามเนื้อเล็ก กล้ามเนื้อใหญ่ พัฒนาสติปัญญา อารมณ์จิตใจ สังคม และภาษาในโรงเรียนอนุบาล ชั้นเด็กเล็กหรือในศูนย์พัฒนาเด็กอย่างน้องหนึ่งปี (Smith, 2004) ตามข้อคิดเห็นอันนี้ เด็กจะต้องเตรียมความพร้อมอย่างน้อยหนึ่งปี ดังนั้นก่อนที่จะเข้าเรียนในชั้นประถมศึกษา เด็กควรจะได้มีการเตรียมความพร้อมให้มีการพัฒนาด้านต่าง ๆ
หลักการและจัดการศึกษาระดับอนุบาลศึกษา
ขอบข่ายของหลักการจัดการศึกษาระดับอนุบาลในประเทศไทย มีดังนี้ (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน , 2546)
1. ยึดปรัชญาการศึกษาระดับปฐมวัยเป็นหลัก
ปรัชญาการศึกษาระดับปฐมวัยคือ การศึกษาปฐมวัยเป็นการพัฒนาเด็กตั้งแต่แรกเกิดถึงอายุห้าปี (หมายถึง 5 ปี 11 เดือน 29 วัน) บนพื้นฐานการอบรมเลี้ยงดู และการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ที่สนองต่อธรรมชาติ และพัฒนาการของเด็กแต่ละคน ตามศักยภาพภาย ใต้บริบทสังคม วัฒนธรรมที่เด็กอาศัยอยู่ด้วยความรัก ความเอื้ออาทร และความเข้าใจของทุกคน เพื่อสร้างรากฐานคุณภาพชีวิตให้เด็กพัฒนาไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เกิดคุณค่าต่อตนเองและสังคม
2. เป็นหลักสูตรที่มุ่งเน้นการพัฒนาเด็ก โดยองค์รวม คือ เด็กได้รับการพัฒนาทุกด้านทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา โดยผ่านกิจกรรมการเล่น และโดยอยู่บนพื้นฐานของประสบการณ์เดิมที่เด็กมีอยู่ ประสบการณ์ใหม่ ที่เด็กจะได้รับต้องมีความหมายกับตัวเด็ก เป็นหลักสูตร ที่ให้โอกาสทั้งเด็กปกติ เด็กด้อยโอกาสและเด็กพิเศษได้พัฒนา รวมทั้งยอมรับในวัฒนธรรมและภาษาความแตกต่างระหว่างบุคคลของเด็ก การพัฒนาเด็กให้รู้สึกเป็นสุขในปัจจุบัน มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนต่าง ๆ และเพื่อเตรียมเด็กสำหรับอนาคตข้างหน้า
3. การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของเด็ก ทั้งภายในและภายนอกห้องเรียนจะต้องจัดสภาพแวดล้อมให้เด็กอยู่ในที่ที่สะอาด ปลอดภัย อากาศสดชื่นผ่อนคลาย ไม่เครียด มีโอกาสออกกำลังกายและพักผ่อน มีสื่ออุปกรณ์ มีของเล่นที่หลากหลาย เหมาะสมกับวัย ให้เด็กมีโอกาสเลือกเล่น เรียนรู้เกี่ยวกับตนเองและโลกที่เด็กอยู่ รวมทั้งพัฒนาการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมทำให้บุคคลในสังคมเห็นความสำคัญของการอบรมเลี้ยงดู และให้การศึกษากับเด็กปฐมวัย
4. การจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมพัฒนาการทุกด้าน และการเรียนรู้ของเด็ก การจัดกิจกรรมให้เน้นความสำคัญที่เด็ก (Child Centered Approach) กิจกรรมจะต้องเหมาะสมกับวัย และสอดคล้องกับจิตวิทยาพัฒนาการของเด็ก ควรจัดกิจกรรมที่จะให้โอกาสแก่เด็ก ได้พัฒนาความสามารถของตน ครูผู้สอนเปลี่ยนบทบาทจากการสั่งให้เด็กทำ มาเป็นผู้อำนวยความสะดวก ครูผู้สอนจะเป็นผู้สนับสนุนชี้แนะและเรียนรู้ร่วมกับเด็ก ส่วนเด็กเป็นผู้ลงมือกระทำ เรียนรู้ และค้นพบด้วยตนเอง ดังนั้นครูผู้สอนจะต้องยอมรับเห็นคุณค่า รู้จักและเข้าใจเด็กแต่ละคน ที่ตนดูแลรับผิดชอบก่อน โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล เพื่อจะได้วางแผนสร้างสภาพแวดล้อม และจัดกิจกรรมต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับวัยและความแตกต่างของเด็ก โดยถือว่าการเล่นอย่างมีจุดหมายเป็นหัวใจสำคัญของการจัดประสบการณ์และกิจกรรมให้แก่เด็ก
5. การบูรณาการการเรียนรู้ การบูรณาการ เป็นการจัดกิจกรรมที่กิจกรรมหนึ่ง ๆ เด็กเรียนรู้ได้หลายทักษะและหลายประสบการณ์สำคัญ หรือหนึ่งแนวคิดเด็กเรียนรู้ได้หลายกิจกรรม จึงเป็นหน้าที่ของผู้สอนที่จะต้องวางแผนการจัดประสบการณ์ ในแต่ละวัน ให้เด็กเรียนรู้โดยผ่านการเล่นที่หลากหลายกิจกรรม หลากหลายทักษะ หลากหลายประสบการณ์สำคัญ อย่างเหมาะสมกับวัยและพัฒนาการ เพื่อให้บรรลุจุดหมายของหลักสูตรที่กำหนดไว้
6. การประเมินพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็ก การประเมินในระดับปฐมวัยยึดวิธีการสังเกตเป็นส่วนใหญ่ ครูผู้สอนจะต้องสังเกต และประเมินทั้งการสอนของตน และพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็กว่า ได้บรรลุจุดประสงค์ และเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่ รวมทั้งข้อมูลจากครอบครัวของเด็ก และตลอดจนผลงานของเด็ก จะบอกถึงการเรียนรู้ของเด็กว่ามีความก้าวหน้าเพียงใด มีพัฒนาการด้านต่าง ๆ อย่างไร การประเมินพัฒนาการจะช่วยครูผู้สอนในการวางแผนจัดกิจกรรม ชี้ให้เห็นความต้องการพิเศษของเด็กแต่ละคน ใช้เป็นข้อมูลในการสื่อสารกับพ่อแม่หรือผู้ปกครองของเด็ก และยังใช้ในการประเมินประสิทธิภาพในการจัดการศึกษาให้แก่เด็กดังกล่าว เมื่อพบเด็กที่มีพัฒนาล่าช้า ครูควรจัดกิจกรรมให้เหมาะสมกับความสามารถของเด็กนั้น ๆ และให้ความรัก ความเอาใจใส่ และให้คำชมเชยเมื่อเด็กพัฒนาดีขึ้น
7. ความสัมพันธ์ระหว่างครูผู้สอนกับครอบครัวของเด็ก ครูผู้สอน พ่อแม่และผู้ปกครองของเด็ก จะต้องมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลทำความเข้าใจพัฒนาการ และการเรียนรู้ของเด็ก ต้องยอมรับและร่วมมือกันรับผิดชอบ ถือเป็นหุ้นส่วน ที่จะต้องช่วยกันพัฒนาเด็ก ให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการร่วมกันซึ่งจะต้องให้พ่อแม่ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการพัฒนาเด็กด้วย
8. การเรียนการสอนที่เหมาะสมสำหรับเด็กอนุบาล ควรยึดเด็กเป็นศูนย์กลางสำคัญของการเรียนรู้ที่คำนึงถึงความสนใจ และความสามารถของเด็ก ให้เด็กมีโอกาสเลือกกิจกรรมด้วยตนเอง เรียนโดยใช้ประสบการณ์ตรงและทดลองโดยที่เด็กเป็นผู้สังเกต และให้คำแนะนำ (สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ, 2541)
ประวัติศูนย์สาธิตการศึกษาปฐมวัย
ประวัติศูนย์สาธิตการศึกษาปฐมวัย
ศูนย์เด็กเข้าวัยเรียนเริ่มดำเนินการปีการศึกษา 2522 รับเด็กอายุ 3 ปี ซึ่งเป็นบุตรหลานของอาจารย์และบุคลากรในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม รวมทั้งบุคคลภายนอก จำนวน 1 ห้อง นักเรียน 30 คน ดำเนินการโดยภาควิชาการอนุบาลศึกษา ซึ่งมีอาจารย์นารี ศิริทรัพย์ เป็นผู้ดำเนินงานและในปีการศึกษา 2523 ได้รับนักเรียนเพิ่มเป็น 2 ห้องเรียน และได้จัดกิจกรรมแบบศูนย์การเรียน โดยได้รับความอนุเคราะห์จาก รศ.ลัดดา นีละมณี ซึ่งขณะนั้นเป็นนักศึกษานิเทศก์ของกรรมการฝึกหัดครูมาช่วยดำเนินการวางแผนการจัดกิจกรรมแบบศูนย์การเรียน และในปีการศึกษา 2527 ได้ปรับชั้นเรียนเป็น
ชั้นอนุบาลปีที่ 1 และอนุบาลชั้นปีที่ 2 ขยายจำนวนห้องเรียนเป็น 4 ห้อง
ปัจจุบันศูนย์เด็กก่อนวัยเรียนได้เปลี่ยนชื่อเป็น ศูนย์สาธิตการศึกษาปฐมวัยสังกัดโปรแกรมวิชาการศึกษาปฐมวัย คณะครุศาสตร์ จัดการศึกษาสำหรับเด็กอายุ 2-4 ปี และจัดชั้นเรียนโดยพิจารณาจากอายุ ความพร้อม และจำนวนเด็กในแต่ละชั้นเรียนประกอบกัน
วัตถุประสงค์
1. ด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัย
1.1 ให้เด็กเป็นผู้มีความสามารถช่วยเหลือตนเองและกิจกวัตรประจำวันด้วยตนเองได้
1.2 ฝึกให้เด็กเป็นผู้มีมนุษยสัมพันธ์กับผู้อื่นและผู้ที่เกี่ยวข้อง
1.3 สร้างเสริมและปลูกฝังให้เด็กเป็นผู้มีลักษณะนิสัย และสุขนิสัยที่ดี
1.4 ส่งเสริมและพัฒนาให้เด็กเป็นผู้มีความคิดสร้างสรรค์
1.5 เตรียมความพร้อมด้านต่าง ๆ ให้แก่เด็กได้แก่ ด้านร่างกาย ด้านอารมณ์จิตใจ
ด้านสังคม และด้านสติปัญญา ให้มีพัฒนาการที่เหมาะสมกับวัย
2. ด้านการส่งเสริม สนับสนุนการจัดการศึกษาโปรแกรมวิชาการศึกษาปฐมวัย
2.1 เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ทางวิชาการและแหล่งฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูของนักศึกษา
โปรแกรมวิชาการศึกษาปฐมวัย
2.2 เพื่อเป็นแหล่งวิจัย/ทดลอง นวัตกรรมทางการศึกษาปฐมวัยของอาจารย์และนักศึกษา
โปรแกรมวิชาการศึกษาปฐมวัย
3. ด้านบริการวิชาการแก่ชุมชนและท้องถิ่น
3.1 เพื่อเป็นแหล่งเผยแพร่ความรู้ด้านการศึกษาปฐมวัยแก่ชุมชน/ท้องถิ่น
3.2 เป็นตัวอย่างและผู้นำชุมชนด้านวิจัยและพัฒนาเด็กปฐมวัย
นโยบาย
1. ศูนย์สาธิตการศึกษาปฐมวัยพัฒนาเด็กให้เต็มศักยภาพ
2. พัฒนาให้เด็กมีจิตสำนึกในความเป็นคนไทย
3. พัฒนาศูนย์สาธิตการศึกษาปฐมวัยให้เป็นแหล่งวิชาการแก่ท้องถิ่น
พันธกิจ
1. ด้านการจัดการศึกษา : จัดการศึกษาระดับปฐมวัยเพื่อให้เด็กมีพัฒนาการโดยองค์รวมตาม ศักยภาพเพื่อ นำไปสู่การช่วยเหลือตน ฝึกฝนคุณธรรม พร้อมนำทางปัญญา
2. ด้านการวิจัย : ส่งเสริมการวิจัยที่ช่วยพัฒนาการศึกษาปฐมวัย
3. ด้านการบริการทางวิชาการ
3.1 เป็นห้องปฏิบัติการทางวิชาการแก่อาจารย์และนักศึกษาโปรแกรมวิชาการศึกษาปฐมวัย
คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม
3.2 เป็นแหล่งการบริการทางวิชาการแก่นักศึกษา บุคลากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัด
การศึกษาปฐมวัย
3.3 เป็นต้นแบบในการจัดการศึกษาปฐมวัยแก่ชุมชน
3.4 เป็นแหล่งวิจัยการพัฒนาเด็กปฐมวัยแก่อาจารย์โปรแกรมวิชาการศึกษาปฐมวัย
ด้านศาสนาศิลปวัฒนธรรม : ปลูกฝัง ทำนุบำรุงและส่งเสริม ศาสนา ศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่นและประเทศชาติ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)